
ทนายความคดีอาชญากรรมไซเบอร์ในประเทศไทย – การป้องกันและความช่วยเหลือทางกฎหมาย
ทนายความของเราในประเทศไทยเชี่ยวชาญด้านคดีอาชญากรรมไซเบอร์ (Cybercrime) โดยให้ความคุ้มครองทางกฎหมายแก่ลูกค้าที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในสภาพแวดล้อมดิจิทัล รวมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของผู้ไม่ประสงค์ดี เราให้บริการทั้งบุคคลทั่วไปและบริษัทที่เผชิญกับภัยคุกคามจากแฮกเกอร์ มิจฉาชีพ หรือพนักงานที่ทุจริต
เรามอบการสนับสนุนทางกฎหมายแบบครบวงจร — ตั้งแต่คำปรึกษา การวิเคราะห์หลักฐานดิจิทัล จนถึงการเป็นตัวแทนลูกค้าในศาลไทย เป้าหมายของเราคือปกป้องสิทธิของลูกค้า ลดความเสี่ยง และฟื้นฟูชื่อเสียง หากข้อกล่าวหาไม่มีหลักฐานรองรับ

คดีอาชญากรรมไซเบอร์คืออะไร?
คดีอาชญากรรมไซเบอร์ (Cybercrime) คือ การกระทำผิดกฎหมายที่ใช้คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เคลื่อนที่ เครือข่าย หรือระบบสารสนเทศ ในประเทศไทย การกระทำดังกล่าวถูกควบคุมโดย พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (Computer Crime Act B.E. 2550) และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2560
ตัวอย่างคดีอาชญากรรมไซเบอร์ ได้แก่:
- การเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือเครือข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
- การแทรกแซงการทำงานของระบบสารสนเทศ
- การสร้างและเผยแพร่ซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย (Malware)
- การปลอมแปลงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และเอกสารดิจิทัล
- การเผยแพร่ข้อมูลเท็จเพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือบริษัท
- การฉ้อโกงผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล
ความพิเศษของคดีไซเบอร์คือ ลักษณะข้ามพรมแดน — ผู้กระทำอาจอยู่ต่างประเทศ ขณะที่ความเสียหายเกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งทำให้การสืบสวนซับซ้อนและต้องอาศัยทนายความที่มีความรู้ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้
ประเภทของคดีอาชญากรรมไซเบอร์
ในประเทศไทยมีการจำแนกประเภทหลักของคดีที่เกิดในสภาพแวดล้อมดิจิทัล ดังนี้:
- คดีต่อระบบคอมพิวเตอร์ — รวมถึงการแฮก การแทรกแซงเว็บไซต์และเซิร์ฟเวอร์ การโจมตีฐานข้อมูลของหน่วยงานรัฐและบริษัทเอกชน
- คดีต่อบุคคล — การเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต การขู่กรรโชกออนไลน์ การข่มขู่ คุกคาม การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ (Cyberbullying) และการหมิ่นประมาท
- คดีทางการเงิน — ใช้ข้อมูลบัตรธนาคารที่ถูกขโมย ฟิชชิ่ง การลงทุนฉ้อโกง โกงสกุลเงินดิจิทัล
- คดีต่อความมั่นคงของชาติ — เผยแพร่ข้อมูลที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย แทรกแซงระบบ IT ของรัฐ เข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
- คดีต่อทรัพย์สินทางปัญญา — การคัดลอก เผยแพร่ หรือจำหน่ายซอฟต์แวร์ ภาพยนตร์ หนังสือ หรือผลงานอื่นที่ได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ประเภทเหล่านี้มักเกี่ยวพันกัน เช่น การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลอาจนำไปสู่การฉ้อโกงทางการเงินหรือการข่มขู่
อาชญากรรมไซเบอร์และการควบคุมทางกฎหมายในประเทศไทย
ประเทศไทยมีระบบการกำกับดูแลการกระทำผิดทางดิจิทัลที่พัฒนาแล้วมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กฎหมายหลักคือ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (Computer Crime Act B.E. 2550) ซึ่งได้รับการปรับปรุงในปี 2560 เพื่อเพิ่มการคุ้มครองผู้ใช้และเพิ่มความรับผิดชอบสำหรับการกระทำผิดดิจิทัล
ตามกฎหมายนี้ ห้ามกระทำดังต่อไปนี้:
- เข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต
- ดักจับหรือสกัดกั้นข้อมูลดิจิทัล
- แก้ไขหรือลบข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
- เผยแพร่ข้อมูลเท็จที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น
- เผยแพร่เนื้อหาที่ละเมิดศีลธรรมสาธารณะหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ
โทษทางกฎหมายรวมถึงปรับสูงสุด 200,000 บาท และจำคุกสูงสุด 10 ปี นอกจากนี้ ประเทศไทยมี กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (Cyber Crime Investigation Bureau, CCIB) ซึ่งเป็นหน่วยงานเฉพาะด้านสืบสวนคดีไซเบอร์
หากคดีมีลักษณะข้ามชาติ การสืบสวนอาจดำเนินร่วมกับ Interpol และใช้สนธิสัญญาความร่วมมือทางกฎหมายระหว่างประเทศ
วิธีแจ้งคดีอาชญากรรมไซเบอร์ในประเทศไทย
หากคุณตกเป็นเหยื่อการโจมตีทางไซเบอร์ จำเป็นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อเก็บรักษาหลักฐาน
ขั้นตอนดังนี้:
- เก็บหลักฐาน — รวบรวมข้อความสนทนา, สกรีนช็อต, อีเมล, ลิงก์, ใบเสร็จ, การแจ้งเตือนทางธนาคาร
- แจ้งความตำรวจ — ยื่นคำร้องที่สถานีตำรวจใกล้บ้านหรือโดยตรงที่ CCIB
- ส่งมอบหลักฐานทั้งหมด — เพื่อให้การสอบสวนระบุ IP, อุปกรณ์ และแหล่งที่มาของการโจมตี
- ปรึกษาทนาย — ทนายช่วยวิเคราะห์พฤติกรรม, ยื่นคำร้อง และติดตามคดีจนถึงศาล
ทนายของเราดูแลทั้งกระบวนการ — ตั้งแต่ยื่นคำร้องจนถึงการป้องกันในศาล และร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้าน IT เพื่อวิเคราะห์หลักฐานและกู้คืนข้อมูลที่สูญหาย
ความรับผิดชอบและโทษสำหรับคดีอาชญากรรมไซเบอร์
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยกำหนดโทษทั้งทางอาญาและทางปกครอง ขึ้นอยู่กับลักษณะคดี โทษอาจรวมถึง:
- ปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท
- จำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปี
- ยึดอุปกรณ์ที่ใช้กระทำความผิด
- ปิดกั้นเว็บไซต์และบัญชีที่ใช้ในการกระทำผิด
คดีร้ายแรง ได้แก่ การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ ระบบธนาคาร และความมั่นคงของชาติ ผู้ต้องหาจะเผชิญโทษสูงสุด
กฎหมายยังเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ตกเป็นเหยื่อข้อผิดพลาดหรือข้อกล่าวหาไม่ชอบด้วยกฎหมายสามารถป้องกันตนเองได้ ทนายช่วยพิสูจน์การไม่มีเจตนา ความไม่ถูกต้องของหลักฐาน และการละเมิดขั้นตอนการสอบสวน
วิธีป้องกันคดีอาชญากรรมไซเบอร์
การป้องกันมีความสำคัญในการลดความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ มาตรการหลักได้แก่:
- ใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและไม่ซ้ำกัน
- เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองชั้น (Two-factor authentication)
- ติดตั้งซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ถูกต้องตามกฎหมาย
- ระมัดระวังอีเมลและไฟล์แนบ
- ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและอัปเดตโปรแกรมอย่างสม่ำเสมอ
บริษัทที่ทำธุรกิจด้านการเงิน การท่องเที่ยว และ e-commerce ต้องปฏิบัติตามมาตรการคอมพลายแอนซ์และความปลอดภัยไซเบอร์ การละเมิดกฎอาจนำไปสู่ค่าปรับสูงและเสียชื่อเสียง
ความช่วยเหลือจากทนายคดีไซเบอร์
ทนายความของเราในประเทศไทยให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายครบวงจรในคดีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดิจิทัล เราปกป้องลูกค้าจากข้อกล่าวหาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้คำปรึกษาแก่ผู้เสียหาย และร่วมสืบสวนระดับนานาชาติ
บริการของเราครอบคลุม:
- การป้องกันในคดีอาญาเกี่ยวกับอาชญากรรมไซเบอร์
- การยื่นคำร้องและแจ้งความต่อ CCIB และศาลไทย
- การเป็นตัวแทนบริษัทในกรณีถูกบล็อกเว็บไซต์หรือบัญชี
- การอุทธรณ์การยึดทรัพย์สินดิจิทัล
- การให้คำปรึกษาด้านคอมพลายแอนซ์และความปลอดภัยดิจิทัล
แต่ละคดีได้รับการวิเคราะห์อย่างละเอียด เราทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ IT เพื่อลบข้อจำกัดและฟื้นฟูการเข้าถึงระบบ
ติดต่อทนายความคดีไซเบอร์ในประเทศไทย
หากคุณตกเป็นเหยื่อการโจมตีทางไซเบอร์หรือถูกกล่าวหาในคดีอาชญากรรมไซเบอร์ ติดต่อทนายความทันที ทีมงานของเราช่วยปกป้องสิทธิ ฟื้นฟูชื่อเสียง และลดความเสี่ยงการถูกดำเนินคดี
เรารับประกันความลับ ความแม่นยำ และกลยุทธ์ทางกฎหมายที่เหมาะสมในทุกคดี ผู้เชี่ยวชาญของเรามีความรู้ทั้งกฎหมายไทยและระหว่างประเทศ และมีประสบการณ์ร่วมงานกับ CCIB, AMLO และหน่วยงานสอบสวนดิจิทัลอื่น ๆ
ติดต่อเรา วันนี้ เพื่อรับความช่วยเหลือทางกฎหมายระดับมืออาชีพด้านความปลอดภัยไซเบอร์ในประเทศไทย

